ประวัติของปลวก (แมลงเม่า) และการดำเนินชีวิต
ปลวกตัวแรกของโลก ถือกำเินิดเมื่อประมาณ 220 ล้านปีมาแล้ว การขุดพบซากฟอสชิลของปลวกในแอฟริกาใต้มีลักษณะคล้ายกับแมงสาบในปัจจุบันมาก แต่มีขนาดเล็กกว่า ปัจจุบันมีปลวกมากกว่า 2000 ชนิดแต่มีไม่ี่กี่ชนิดที่ชอบอาศัยอยู่ในเนื้อไม้ของอาคารบ้านเรือน ซึ่งนับเป็นภัยต่อที่อยู่อาศัย เพราะปลวกจะกัดกินสิ่งที่ทำด้วยไม้จนหมด
ปลวกเป็นสัตว์สังคมที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงมันทำมาหากินและทำงานเป็นทีม จึงทำให้มนุษย์ปราบมันได้ยาก ดังนั้นเวลาจะสร้างบ้าน ควรฉีดยาฆ่าปลวกในตอไม้หรือเศษไม้ใต้ดินให้ทั่ว เพื่อจะได้มั่นใจว่าปลวกตายหมด เนื่องจากการใช้สารเคมีอาจเป็น อันตรายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม ควรเลือกสมุนไพรกำจัดปลวกจากธรรมชาติจะปลอดภัยกว่า
การใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในจอมปลวกและใต้ดินทำให้เราไม่ศึกษาธรรมชาติของปลวกอย่างใกล้ชิด จนทำให้หลายคนคิดว่าปลวกคือ มดขาว แต่ใจความเป็นจริงปลวกและมดเป็นสัตว์คนละชนิดกัน ปีกของมดสั้นและมีขนาดไม่เท่ากัน แต่ปีกของปลวกยาวและใหญ่เกินตัว และมีขนาดเท่ากันด้วย นอกจากนี้ส่วนที่เป็นเอวก็แตกต่างกัน คือ มดมีเอวแต่ปลวกไม่มี เวลามดตัวผู้ผสมพันธุ์กับราชินีมดแล้วมันจะตายในเวลาต่อมาไม่นาน ส่วนปลวกตัวผู้เมื่อไ้ด้ผสมพันธุ์กับราชินีปลวกแล้วมันจะช่วยกันสร้างอาณาจักรปลวกให้มีบริเวณ เพียงพอสำหรับให้ลูกปลวกเจริญเติบโต เพราะราชินีปลวกเมื่อเติบโตเต็มที่อาจมีลำตัวยาวตั้งแต่ 9 -12 เซนติเมตร และเวลาตั้งครรภ์มันจะไปไหนมาไหนไม่ได้ แต่มันก็ไม่อดอาหารตาย เพราะ มีปลวกงานที่มีนิสัยขี้อายแต่ขยันหาอาหารมาให้ตลอดวัน และช่วยทำความสะอาดให้ราชินีด้วยโดยการเลียตามตัวตลอดเวลา และเมื่อราชินีปลวกวางไข่แล้ว ปลวกงานจะขนไข่ไปเรียง และหา อาหารมีเลี้ยงปลวกอ่อนที่ยังช่วยตัวเองไม่ได้ นักชีววิทยายังพบว่า ปลวกบางชนิดรู้จักทำสวนรา ซึ่งให้ cellulose อันเป็นอาหารโปรดของมัน โดยมันจะขนใบหญ้าใบไม้มาวางกองจนกลาย สภาพเป็นรา ซึ่งราจะคายไอน้ำออกมาทำให้ความชื้นของบรรยากาศในรังอยู่ในระดับที่พอดีด้วย
ส่วนราชาปลวกนั้น ไม่ต้องทำมาหากินใดๆ ทำหน้าที่สืบพันธุ์กับราชินีปลวกในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่ศัตรูปลวก ได้แก่ มด แมลงเต่าทอง ตัวต่อ กิ้งก่า ตะกวด ตะขาบ และคนนอนหลับพักผ่อน ทำให้ประิสิทธิภาพในการสร้างปลวกอ่อนของมันไม่ถูกกระทบกระเทือน
ปลวกทหาร ปลวกประเภทนี้มีเขี้ยวสำหรับต่อสู้กับศัตรู เช่น มดที่ชอบขโมยไข่ปลวกไปกิน ถึงแม้ว่ามดจะมีขนาดใหญ่กว่า และปลวกไม่มีตา จะเห็นข้าศึก แต่ปลวกทหารก็สามารถป้องกันรังของมันได้ได้ โดยมันจะใช้เขี้ยวกัดแล้วปล่อยยางเหนี่ยวๆ ออกมาตามตัวมด ซึ่งจะส่งกลิ่นล่อให้ปลวกทหารตัวอื่นๆ เข้ามารุมกัดมดจนตาย
อาณาจักรปลวกมีการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือ มีราชินีปลวกเป็นเจ้าแม่ผู้ทรงอำนาจสุงสุด เจ้าแม่ปลวกบางพันธุ์อาจมีอายุ ถึง 100 ปี ดังนั้น การมีประสิทธืภาพสูงในการผลิตปลวก จึงทำให้สมาชิกปลวกมีจำนวนเพิ่มขึ้นๆ ตลอดเวลา และรังปลวกจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีปัญหาใดๆ เพราะปลวก งานมีความสามารถด้านสถาปัตยกรรมสุง โดยจะขนดินจากใต้ดินขึ้นมาบนดิน และวางให้เป็นกองแล้วใช้น้ำลายเป็นตัวเชื่อมเนื้อดิน จนได้จอมปลวกที่อาจสูงถึง 7 เมตร การไม่มีตาดูทำให้ ปลวกไม่รู้แม้แต่น้อยว่ารูปร่างใ้นภาพรวมของรังมันมีหน้าตาอย่างไร แต่ในรายละเอียดเล็กน้อยมันรู้ เช่น รู้ว่าต้องสร้างรังให้เอียงเพื่อป้องกันน้ำท่วมขัง และรังจะต้องมีรูระบายอากาศเข้า ออก อีกทั้งรู้ว่าต้องมีลิ้นเปิดปิดให้ความชื้นภายในรังอยู่ที่ระดับพอดีสำหรับปลวก 2 ล้านตัวด้วย ทั้งๆ ที่ปลวกเหล่านี้หายใจก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาชั่วโมงละ 40 ลิตร
ความสามารถของปลวก เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะมันกินได้ทั้ง cellulose และยางที่หุ้มสายโทรศัพท์หรือสายไฟฟ้า และในยามที่ อาหารขาดแคลน มันก็อาจกินญาติที่อ่อนแอและลูกอ่อน หรือเวลาที่ราชินีปลวกสิ้นตาย ปลวกบริวารก็จะจับราชินีปลวกมากินกัน
ในวารสาร Nature ฉบับที่ 415 ประจำวันที่ 3 มกราคม 2545 M.A. Merbach แห่งมหาวิทยาลัย Wolfgang Goethe ในเยอรมัน กับคณะรายงานว่า ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง (Nepenthes albomarginata) ซึ่งตามปกติจะหาอาหารโดยการล่อสัตว์ขนาดเล็ก เช่น มดให้ตกลงไปในโพรงหม้อ แล้วมันก็ัขับน้ำย่อย ออกมาย่อยเหยื่อที่เคราะห์ร้ายนั้น ใช้ขน (trichome) ที่ขึ้นบริเวณตามปากหม้อล่อปลวก Hospitalitermes bicolor ให้เดินไปสู่ความตาย เพราะปลวกชนิดนี้เวลาเห็นขนที่ขาวที่ขอบ ปากหม้อมันจะหันกลับมาบอกเพื่อนปลวกให้เดินไปกินขนเหล่านั้นจนถึงบริเวณปากหม้อโล่งและลื่น ทำให้ปลวกทั้งหลายลื่นตกลงไปในหม้อ ถึงชั่วโมงละ 22 ตัว และเมื่อขนบริเวณปากหม้อ ไม่มีแล้ว ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงต้นนั้น ก็ไม่เป็นที่ต้องการของปลวกใดๆ อีกต่อไป งานวิจัยนี้ทำให้พบว่า N. albmarginata เป็นพืชกินสัตว์ชนิดแรกที่ใช้เนื้อเยื่อของตนล่อสัตว์ให้ตก เป็นเหยื่อ
ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ฉบับที่ 99 ปี พ.ศ 2545 J. Traniello แห่งมหาลัย Boston USA รายงานว่า ปลวกมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคเหมือนมนุษย์ และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้สัตว์ชนิดนี้มีอายุยืนนาน 200 ล้านปี โดยมีการอ้างถึง กรณีมดที่เวลา ตาย มดตัวอื่นๆ จะช่วยกันขนศพมดออกจากรังทันที เพื่อไม่ให้โรคจากมดที่ตายมาคุกคามมดที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือฝึ้งเวลาราในรังระบาด มันก็จะรวมกลุ่มกันทำให้บริเวณที่มันเกาะกลุ่มนั้น มีอุณภูมิสูงจนสามารถฆ่าเชื้อราได้ นั่นคือ สัตว์สังคมเหล่านี้มีิวิธีป้องกันโรคระบาดด้วยวิธีต่างๆ กัน ปลวก Zootermorpsis angustieollis ก็เช่นกัน เวลามีโรคระบาด ปลวกที่รอด ตายจะมีภูมิคุ้มกัน และัมันจะถ่ายทอดถูมิคุ้มกันนี้สู่ปลวกตัวอื่นๆ โดยถ่ายแบคทีเรียในกระเพาะให้ปลวกอื่นกิน ดังนี้น แบคทีเรียซึ่งสามารถทำหน้าที่ภูมิคุ้มกัน จึงสามารถผ่านจากปลวก ตัวหนึ่งไปสู่ปลวกตัวอื่นๆ ได้
ณ วันนี้ ปลวกกำลังคุกคามอาคารสถานที่อาศัยของมนุษย์ทั่วโลก โดยเฉพาะในอเมริกา ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 45,000 ล้านบาทต่อปี ในการต่อสู้กับปลวก Formosan การสำรวจทำให้รู้ว่าขณะนี้ปลวก Formosan ในอเมริกามีประมาณ 500,000-3.5 ล้านตัว ปลวกอันตรายพันธุ์นี้ได้ติดมากับเืรือจากเอเชียเมื่อ ประมาณ 60 ปีก่อนนี้ และขณะนี้ได้เ้ข้ามาอาศัยอยู่ตามต้นไม้ ตามบ้านในรัฐทางใต้ และฮาวาย โดยเฉพาะที่เมือง New Orleans มีปลวก Coptotermes formosanus มากเป็น พิเศษ เพราะที่นีี่มีอากาศอบอ่นและบ้านไม้ในเมืองมักมีเถาวัลย์ปกคลุม
ในการต่อสู้ปลวกนั้น คนกำจัดปลวกใช้กล้อง infrared ส่องตามผนัง เพราะรู้ว่าถ้าที่ใดมีปลวกอาศัยอยู่บริเวณนั้น จะมีความร้อนมาก ปลวกจำนวนมากจะแผ่รังสีอินฟาเรดออกมาจำนวนมากซึ่งกล้องสามารถรับได้ นักกำจัดปลวกบางคนใช้วิธีส่งคลื่น mirowave ไปกระทบผนัง ถ้าคลื่นกระทบปลวกที่กำลังเคลื่อนที่ คลื่นที่สะท้อนกลับออกมาจะทำให้เจ้าหน้าาที่รู้ได้ว่าภายในกำแพงหรือฝนังนั้น มีปลวกหรือไม่ และเมื่อรู้ว่าเปลวกมีจริงแ้ว หน้าที่ต่อไปคือ กำจัดมันโดยอาจใช้ยาฉีดที่ทำด้วย hexaflumuron ซึ่งจะทำให้ปลวกที่ลอกคราบมีปัญหา เพราะสารเคมีชนิดนี้สามารทำให้เปลือกหุ้มตัวปลวกไม่แข้งตัว และปลวกก็จะตาย หรือฉีดพ่นด้วย chlorfenapyr ก็เป็นการฆ่าปลวกด้วยสารเคมี อีกวิธีหนึ่ง วิธีเปลี่ยนแปลงยีน ก็เป็นวิธีหนึ่งที่กำลังได้รับการพิจารณาว่าเป็นวิธีกำจัดที่ดี โดยพยายามเปลี่ยนแปลงตัวอ่อน เป็นปลวกทหารให้หมด เพราะปลวกทหารเป็นหมันและไม่มีหน้าที่ หาอาหาร ดังนั้น ถ้ารังปลวกมีปลวกทหารมาก ทำให้ปลวกงานหาอาหารมากขึ้นๆ จนในที่สุดปลวกงานก็จะล้มตาย และปลวกทหารก็จะล้มตายต่อมาด้วย
ความต้องการในการดำรงชีวิตของปลวก
1. อาหาร คือ สารเซลลูโลส ซึ่งเป็นแป้งชนิดหนึ่งที่อยู่ในเนื้อไม้ ซึ่งสารชนิดนี้จะถูกย่อยโดย โปรโตซัว ที่มีอยู่ในลำไส้ของมัน
2. ความชื้น เนื่องจากผนังลำตัวของปลวกเป็นเนื้อเยี่อที่บอบบางมาก จึงจำเป็นต้องอาศัยความชื้นในการดำรงชีวิต การป้องกันและกำจัดปลวก วิธีที่ดีที่สุดวิธีหนี่งคือ การใช้สารเคมี ควารเลือกสารเคมีที่มีฤทธิ์คงทนอยู่ในดินได้นาน และมีความปลอกภัยสูงต่อคน สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม และควรเป็นสารเคมีที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้กับสำนักคณะกรรมการ อาหารและยากระทรวงสาธารณสุขแล้วเท่านั้น การป้องกันและกำจัดปลวกด้วยสารเคมี มีอยู่หลายวิธีเช่น
- การใช้สารเคมีชนิดสารละลาย สูตร EC หรือ SC
- การใช้สารเคมีชนิดผง
- การใช้แก๊ส
- การสร้างแนวป้องกันปลวกก่อนการก่อสร้าง
เมื่ออาคารอยู่ระหว่างการก่อสร้าง การปฎิบัติควรทำให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเดียวกัน ถ้ามีการเพิ่มเติม ควรมีการปฎิบัติซ้ำอีก เพื่อให้แน่ใจว่าการฉีดสารเคมีครอบครุมทุกจุดของพื้นที่ก่อสร้าง ไม่มีการละเว้นจุดใดหรือมุมใดของอาคาร เพราะถ้าละเว้น อาจเป็นจุดหรือทางผ่านของปลวกเข้าสู่อาคารได้ หลังการก่อสร้างโดยการเจาะพื้นอาคารแล้วอัดสารเคมีลงไปให้ครอบคลุมทุกพื้ันที่ ของใต้อาคารด้วยสารเคมีทั้งหมดเช่นกัน
วันที่เขียนบทความ: 06 เมษายน 2555 เวลา: 12:46:28 น.
วันที่ปรับปรุงบทความ: 14 ตุลาคม 2555 เวลา: 13:40:43 น.
กลับหน้าบทความ