ชื่อสินค้า : |
พระกลีบบัว วัดลิงขบ #2 |
รายละเอียด : |
พระกลีบบัว วัดลิงขบ พระกรุของดี ราคาถูก
- พระกลีบบัว วัดลิงขบ ธนบุรี เป็นพระกรุเก่ากรุหนึ่งที่มีอายุการสร้างกว่า ๑๐๐ ปี แต่ราคาเช่าหาแสนถูก เมื่อ ๔-๕ ปี ก่อนองค์ละไม่กี่ร้อยบาท ปัจจุบันอยู่ในหลักร้อยแก่ๆ หรือหลักพันต้นๆ ก็ยังจัดว่าเป็น "ของดีราคาถูก" ที่น่าสนใจอยู่ดี
- "วัดลิงขบ" เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกกัน ชื่อทางราชการคือ "วัดบวรมงคล" เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชั้นราชวรวิหาร ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ใกล้กับโรงงานสุราบางยี่ขัน ท้องที่บางพลัด กทม. ในแผ่นดินของ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีชาวรามัญ (มอญ) อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารมาก และมีพระสงฆ์ติดตามมาด้วยล้นเกล้าฯ จึงทรงกำหนดสถานที่ให้อยู่เป็นที่ๆ รวมทั้งบริเวณ วัดลิงขบ นี้ด้วย
- ตามหลักฐานบางแห่งกล่าวว่า กรมพระยาราชวังบวรสถานมงคลมหาเสนานุรักษ์ พระเจ้าน้องยาเธอ ในรัชกาลที่ ๒ ได้ทรงสถาปนา วัดลิงขบ นี้เป็นพระอารามหลวง แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดบวรมงคล"
- "วัดบวรมงคล" เป็นวัดรามัญส่วนกลาง มีพระราชาคณะฝ่ายรามัญมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสติดต่อกันมา จนถึงปี ๒๔๖๒ สภาพวัดทรุดโทรมมาก พระรามัญมาอยู่น้อย จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงวัดนี้เป็นวัดทางธรรมยุตสืบมาจนถึงทุกวันนี้
- ผู้สร้าง "พระกลีบบัว"
- เมื่อ พระรามัญมุนี (ยิ้ม) เจ้าอาวาสวัดบวรมงคล รูปที่ ๓ ได้มรณภาพลง (ครองวัดปี ๒๓๘๐-๒๔๑๐) พระสุเมธาสจารย์ (ศรี) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ "พระครูราชปริศ" ได้มารักษาการในตำแหน่งเจ้าอาวาสแทน พระสุเมธาจารย์ (ศรี) เป็นชาวบางพูด จ.นนทบุรี เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๓ ปี ๒๓๗๘ ได้บวชเรียนใน สำนักวัดปรมัยยิกาวาส ตั้งแต่อายุได้ ๑๐ ปี และได้อุปสมบทแบบพระรามัญที่วัดบางพูด เมื่อปี ๒๓๙๙ มาอยู่ วัดชนะสงคราม บางลำพู แล้วย้ายมาอยู่ วัดบวรมงคล ระยะหนึ่ง ช่วงปี ๒๔๑๐ แล้วจึงกลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามจนถึงกาลมรณภาพ เมื่อปี ๒๔๕๕ สิริรวมอายุได้ ๗๘ ปี ในขณะรักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดบวรมงคล ปี ๒๔๑๐ นั้น ท่านได้บูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะภายในวัดเป็นการใหญ่ และได้สร้างเจดีย์ขึ้นองค์หนึ่งเพื่อไว้เป็นอนุสรณ์ เมื่อสร้างเจดีย์เสร็จ ได้นำเอาพระพุทธรูปพระเครื่องและสิ่งของมีค่าต่างๆ บรรจุไว้ในองค์เจดีย์ รวมทั้งได้สร้าง พระพิมพ์กลีบบัว เนื้อดินเผา บรรจุไว้ด้วย เพื่อเป็นการสืบพระศาสนาด้วย การสร้าง "พระพิมพ์กลีบบัว" นี้ พระสุเมธาจารย์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์โดยมีพระเถราจารย์ผู้เรืองเวทวิทยาคมในสมัยนั้นมาร่วมพิธีปลุกเสก ซึ่งมีอยู่มากมายหลายท่านด้วยกัน มีบางท่านกล่าวว่า พระพิมพ์กลีบบัว นี้สร้างในช่วงที่ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ ธนบุรี ยังมีชีวิตอยู่ จึงอาจจะเป็นไปได้ว่า เจ้าประคุณสมเด็จโตฯ จะได้รับนิมนต์มาร่วมปลุกเสกด้วยก็ได้ เมื่อเทียบปี พ.ศ.ดูแล้ว เห็นว่าตรงในสมัยของเจ้าประคุณสมเด็จฯโต จริง ก็อาจจะเป็นไปได้ อันนี้ถือเป็นข้อสันนิษฐาน มิใช่ข้อยืนยันว่าเป็นจริง
- เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๐๙ มีผู้ลักลอบขุดกรุพระที่องค์เจดีย์ของ วัดลิงขบ ได้นำพระบูชา พระเครื่องออกไปเป็นจำนวนมาก ทางวัดทราบข่าวจึงได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ยังมีผู้แอบมาลักลอบขุดกรุพระอีกเสมอๆ ทางวัดจึงได้แจ้งต่อกรมการศาสนา และ ขออนุญาตเปิดกรุพระ นี้ขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๕ มี.ค.๒๕๐๙
- กรุพระที่ขุดนี้มี ๒ จุด คือ กรุที่ฐานเจดีย์และที่คอระฆังเจดีย์ ปรากฏว่าได้พระบูชา และพระเครื่องชนิดต่างๆ มากมาย และมีพระบรมสารีริกธาตุ แหวนทองคำ ตะกรุดทองคำ ปะปนอยู่ด้วย ที่มีมากเป็นพิเศษคือ พระพิมพ์กลีบบัวเนื้อดินเผา ซึ่งมีจำนวนถึง ๗๕,๐๐๐ องค์ เข้าใจว่า ในตอนสร้างคงจะมีจำนวน ๘๔,๐๐๐ องค์ ตามจำนวนพระธรรมขันธ์ แต่ได้ถูกคนร้ายลักลอบขโมยขุดออกไปก่อนหน้านี้แล้วจำนวนหนึ่ง
- พระพิมพ์นี้ชาวบ้านเรียกกันว่า "พระกรุวัดลิงขบ" มีรูปทรงสัณฐานเหมือนกับ กลีบบัว ขนาดกว้าง ๑.๙ ซม. สูง ๒.๙ ซม. หนา ๐.๕ ซม.
พุทธลักษณะ
องค์พระปฏิมากรประทับนั่งขัดสมาธิเพชร พระพักตร์เป็นรูปไข่อูม พระโมลีเป็น ๒ ชั้นเรียวยาว พระกรรณห้อยย้อยระย้ายาวลงมาจรดพระอังสา ในบางองค์ที่คมชัด จะปรากฏพระขนง พระเนตร พระโอษฐ์ พระนาสิกอย่างชัดเจน
เส้นสังฆาฏิจะปรากฏเป็นแนวคมชัด บางองค์จะปรากฏริ้วจีวรเป็นขีด ๒ เส้น พาดผ่านพระกรมาจนถึงพระกัจฉะ ลำพระองค์ที่ผึ่งผายได้สัดส่วนสง่างาม การทอดพระพาหาเป็นแบบหักพระกัปประมาประสานกันที่พระเพลา ซึ่งเป็นแบบขัดสมาธิเพชร องค์พระไม่มีอาสนะรองรับ รอบๆ องค์พระปฏิมากรจะปรากฏเส้นรัศมีเปล่งออกมาจากองค์พระ
ด้านหลังขององค์พระจะปรากฏเป็นรอยแอ่งเว้าลงไปเล็กน้อย และมีลายมือของผู้กดพิมพ์ด้วย บางองค์หลังเรียบก็มี ด้านล่างองค์พระจะมีรู ซึ่งเกิดมาจากการใช้ไม้แหลมเสียบเข้าเนื้อพระเพื่อแกะเอาองค์พระออกมาจากแม่พิมพ์
เนื้อหามวลสาร
ละเอียดพอสมควร ไม่มีก้อนแร่หรือวัสดุอื่นใดปะปน แต่อาจจะมีบางองค์ที่มีทรายเงินทรายทองเล็กๆ ปะปนอยู่บ้าง พระส่วนใหญ่จะมีราดำจับอยู่บนผิว บางองค์มีมาก บางองค์มีน้อย ทำให้ง่ายต่อการพิจารณา
สีขององค์พระ
มีหลายสี เช่น เหลืองนวล สีแดงอิฐ สีส้มอ่อนๆ บางองค์จะมีสีเทาดำปะปนบ้าง ทั้งนี้เป็นเพราะตอนเผาความร้อนถูกองค์พระไม่เท่ากัน แบบเดียวกับพระกรุเมืองลำพูน เมืองกำแพงเพชร หรือเมืองสุพรรณบุรี ในตอนที่เปิดกรุพระออกมานั้น ทางวัดให้บูชาองค์ละไม่กี่สิบบาทปรากฏว่า ได้เงินจำนวน ๓ แสนบาท ทางวัดได้นำไปสร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ๑ หลัง ดังปรากฏเป็นถาวรวัตถุมาจนถึงทุกวันนี้
พระของปลอม มีมานานแล้ว
แต่ฝีมือการสร้างหยาบ องค์พระตื้นมาก ไม่คมชัดเท่าที่ควร เนื้อกระด้าง คราบราใช้หมึกสีดำสะบัดเอา ถ้าหากถูกน้ำจะละลายออก เส้นรัศมีรอบองค์พระแข็งกระด้าง บางองค์จะเป็นแบบรางๆ ไม่คมชัด
พระพุทธคุณ
ดีเด่นทางเมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสย และคมเขี้ยวสัตว์ร้ายได้ดี "พระกลีบบัว วัดลิงขบ" ในวันนี้ แม้ว่าจะมีราคาเช่าหาอยู่ในหลักร้อยแก่ๆ หรือหลักพันต้นๆ แต่ก็ยังนับว่าเป็น "ของดีราคาถูก" ถ้าหากจะนับว่าเป็นพระกรุเก่าอายุกว่า 100 ปี...ไม่แพงเลย ที่จะเช่าหาบูชาไว้ใช้สักองค์หนึ่ง เพราะในอนาคตอาจจะเป็นของแพงที่หายากก็ได้
|
สถานะสินค้า : |
โทรถาม/พร้อมเช่า |
ราคา : |
ติดต่อสอบถาม บาท |
ค่าจัดส่ง : |
35 บาท |
สนใจติดต่อ : |
เอ_ปากน้ำ |
โทรศัพย์มือถือ : |
0951245363 |
อีเมล์ : |
chakkapan_s@yahoo.co.th |
จำหน่ายโดย : |
ร้าน เอ ปากน้ำ |
คำค้าหา : |
พระกลีบบัว,วัดลิงขบ,กลีบบัว,ลิงขบ |